รวมพล บุญยัง (จอห์น) ผมเป็นคนนึง ที่เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ผมโชคดีที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่  ทั้งคู่เป็นคนขยันมากๆครับ ตั้งแต่เด็กผมเห็นมาตลอดว่าท่านทั้งสองทำงานไม่เคยหยุด ทั้งสองพูดกัผมตลอดว่า ความขยันจะทำให้คนเราประสบความสำเร็จในชีวิต

          ผมสำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. จากวิทยาลัยเทคนิค หาดใหญ่ และเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจันเกษม กรุงเทพฯ จนสำเร็จการศึกษาใน คณะเกษตรศาสตร์ เอกพืชศาสตร์ เมื่อจบการศึกษา ผมได้สอบเป็นครูซึ่งเป็นอาชีพที่ผมรักและใฝ่ฝัน การได้เป็นครูที่สอนต่างบ้าน ต่างเมือง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่าย

          ในแต่ละเดือนเงินเดือนไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่าย จะต้องยกหูโทรขอเงินพ่อกับแม่ตลอด จนเข้าสู่ปีที่ 6 ผมเริ่มคิดกับตัวเองว่า ถ้าทำงานเพียงอาชีพเดียวและมีรายได้ทางเดียวแบบนี้ เมื่อไหร่ชีวิตจะมีแบบคนอื่นๆ เขา  และที่สำคัญเริ่มอายตัวเองที่ต้องโทรขอเงินพ่อกับแม่ใช้ทุกเดือน เลยตัดสินใจทิ้งอาชีพในฝันที่ผมรักและเดินออกมา เพราะรายได้ไม่พอกินพอใช้ในแต่ละเดือน บวกกับเป้าหมายที่ผมอยากมีรายได้ที่มากกว่านั้น จึงตัดสินใจปรึกษาพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองเคารพการตัดสินใจของผม ผมกลับบ้านมาเปิดธุรกิจร้านขายอาหารสัตว์-เกษตรที่พัทลุงบ้านเกิดของผม ด้วยเงินลงทุนเกือบ 5 ล้านบาทจากพ่อแม่ที่ลงทุนให้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ทำให้พบปัญหาการบริหารเงินและการประชาสัมพันธ์ร้านค้า ทำให้ปีที่ 3 ร้านมีแนวโน้มว่าอาจจะไปไม่รอด 

          ในช่วงนั้นมีโอกาสพบกับเพื่อนของรุ่นน้อง คือ คุณเบิร์ด  ปิยวุฒิ ธนาพันธ์ประเสริฐ จึงได้พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยและมีการกล่าวถึงธุรกิจของคุณเบิร์ดที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ในขณะที่ผมนั่งฟังพอได้ยินคำว่าเครือข่าย ต้องมีสินค้า ต้องขายของ ต้องไปนั่งเรียนรู้ ประโยคแรกที่พูดกับคนๆ นี้ไปทันทีว่า ทีหลังถ้ามาร้านผมอีกไม่ต้องชวนผมทำอาชีพแบบนี้ผมไม่ชอบ 

          เมื่อวันที่ร้านของผมนั้นไปไม่รอด ผมไร้ซึ่งทางออก และโทรไปขอโอกาส ในการฟังธุรกิจนี้อีกครั้งจากเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ หลังจากนั้นผมมีโอกาสได้เข้าแคมป์ที่บริษัทฯ ​จัดครับ ความคิดแรกที่ผมคิดและพูดกับตัวเองว่า บรรยากาศแบบนี้ งานแบบนี้ เป็นงานที่ผมชอบและตามหามาตลอดชีวิต หลังจากออกจากงานแคมป์ ผมตัดสินใจเซ้งร้านทั้งหมดและปิดกิจการทันที ผมมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และติดตามลงพื้นที่กับอัพไลน์ในทุกที่ของเนื้องาน หนึ่งปีเต็มที่ผมไม่มีทีมงานเลยสักคน แต่ในใจกลับคิดเสมอว่า วันนึงที่เราเก่ง และมีศักยภาพมากพอ เราก็จะเจอคนที่เอาจริงเหมือนเราแน่นอน

          ผ่านมาในปีที่ 2 ผมพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นวิทยากรบรรยายและสอนงานเอง ทำให้เริ่มมีทีมงานตัวจริงที่ตัดสินใจอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต และอยากประสบความสำเร็จหลั่งไหลเดินตามเข้ามาร่วมธุรกิจด้วยกันเรื่อยๆ จนผมมีผลลัพธ์เกิดขึ้นให้เห็นจริงๆ เพราะธุรกิจเครือข่าย ทำให้ผมหลุดพ้นจากวงจรชีวิตของงานประจำ มีรายได้ที่มากขึ้น และสามารถเปลี่ยนจากรถยนต์เก่าๆ มาเป็นเก๋งป้ายแดงด้วยเงินสด ความฝันที่อยากสร้างบ้านสไตส์รีสอร์ทก็ได้ลงมือทำ พร้อมทั้งผมมีโอกาสให้เงินก้อนแรกที่ในชีวิตกับพ่อและแม่ คนละ 100,000 บาท และให้ท่านมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ทุกวันนี้พ่อและแม่บอกกับผมว่า พ่อแม่โชคดีที่มีผมเป็นลูก

          วันนี้ได้มาเจอกับธุรกิจเอโฟร์เอส ขอขอบคุณผู้ที่เปิดโอกาสทางธุรกิจดีๆ แบบนี้ คุณเบิร์ด ปิยวุฒิ ธนาพันธุ์ประเสริฐ อัพไลน์และครูคนแรกที่สอนงานมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจ รวมถึงอัพไลน์ท่านอื่นๆ ที่คอยดูแลผมมาอย่างต่อเนื่อง และท่านประธานบริษัท คุณนิติ สว่างทรัพย์ ที่ได้สรรสร้างบริษัทฯ และสินค้าดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้มีสุขภาพที่ดีพร้อมกับคุณชีวิตที่สามารถออกแบบได้ ตามไลฟ์ สไตล์ที่เราต้องการ

          เอโฟร์เอสสามารถพิสูจน์ ให้เห็นว่าเรามีสินค้านวัตกรรมทางการเกษตรอินทรีย์ระดับโลก ที่สามารถขยายธุรกิจนี้ไปได้ทั่วโลกจริงๆ พร้อมกับสินค้า นวัตกรรมกลุ่มอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้ผมก็ได้ขยายทีมงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากมาย เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ฯลฯ และมั่นใจว่าจะสามารถขยายธุรกิจกับเอโฟร์เอสไปได้ทั่วโลกแน่นอน

          “ผมเชื่อว่าทุกท่านที่กำลังตัดสินใจที่จะเข้ามาที่เอโฟร์เอส เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ผมมั่นใจว่าผมสามารถนำพาทีมงานทุกท่านไปสู่เป้าหมายและถึงฝั่งฝันได้อย่างแน่นอนครับ”